top of page

ขั้นตอน การเปิดบ้านเรียนแสนสุขใจ  ของ ครอบครัวน้องเติ้ลตะวัน

ทดลองทำ Home School ต่อเนื่อง ประมาณ 3 เดือน

1.ทดลอง สอนภาษาไทยใหม่

- คุณแม่น้องเติ้ล ลองสอนภาษาไทย ด้วยตัวเองช่วงปิดเทอม เพราะน้องเรียนที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง แต่ไม่ค่อยมีพัฒนาการให้เห็นหรือเป็นอย่างที่ควรจะเป็น น้องเติ้ลตะวันอยู่ป.1 เทอม 1 เทอม 2 แต่อ่านภาษาไทย ไม่ค่อยได้ คำง่ายๆก็ไม่ค่อยได้ อักษร ก-ฮ ยังจำไม่ค่อยได้ ผสมพยัญชนะกับสระยังไม่ได้ ทั้งที่เรียน ป.1 มาแล้ว โดยที่บ้านได้เริ่ม สอนใหม่ทั้งหมด จัดกิจกรรมเกม บัตรคำ น้องเติ้ลตะวัน ช่วยทำสื่อสารเรียนด้วยตนเองกับคุณแม่รุ่ง กิจกรรมที่ทำ เช่น กิจกรรมฝึกฝน ก- ฮ   กิจกรรมรู้จัก สระเสียงยาว กิจกรรมผสมพยัญชนะ+สระเสียงยาว และไล่ไปจนถึงสระผสมเสียงยาว เมืื่อแม่นยำแล้ว จึงไปฝึกสระเสียงสั้นต่างๆในภายหลัง เมื่อครบ 3 เดือน น้องตะวันก็สามารถอ่านหนังสือภาษาไทยเล่มมานีมานะ ป.1 ได้ครึ่งเล่ม ได้ดีจากเดิมมากมาย คนที่จะมาสอนน้องต่อ ก็ทำได้โดยง่ายดาย เพราะน้องเข้าใจการผสมสระแล้ว

2. ทดลอง สอนการพูดการสื่อสาร

- ขณะฝึกอ่านฝึกสะกดภาษาไทย แผนของการทดลองคือไม่เน้นเขียนได้ เน้นให้อ่านคำต่างๆได้ก็เพียงพอ แทบไม่ให้เขียนเลย เพราะน้องตะวัน เป็นเด็กการเขียนการบังคับมือไม่คล่องเท่าผู้ใหญ่ ถ้าเขียนเยอะ จะทำให้การเรียนเคร่งครัดผิดที่เกินไป ให้เขียน แค่ครั้งละ 4-5 คำต่อครั้งก็พอ

เมื่ออ่านได้เนื่องจากในโรงเรียนเด็กมีจำนวนมากกว่า 40 ต่อห้องจึงทำให้น้องตะวันถูกสอนแบบเสียไปที คือถ้าทำได้ก็ดี ถ้าทำไม่ได้ ก็จะไม่รู้เรื่อง ต้องให้ที่บ้านสอนต่อเป็นเช่นนี้เรื่อยมา

ขณะที่ฝึกฝนการอ่านน้าและแม่รุ่งผู้สอนภาษาไทยในบ้าน ก็ฝึกให้น้องตะวัน บรรยายเล่าเรื่องจากรูปในหนังสือทุกครั้ง ที่ถึงชั่วโมงเรียน ซึ่งจะทำให้น้องได้ฝึกพูด ฝึกอธิบายโดยเริ่มจากถามน้องว่าเห็นอะไรบ้าง มีคนกี่คนในรูป บรรยายกาศในรูปเป็นยังไง เช้า หรือมืด เย็น คนในรูปรูปร่างหน้าตาอย่างไร ใส่ชุดอะไร ทำไปเรื่อยๆครับ 10-20 วัน เราใช้เวลาให้น้อย 30-50 นาที ต่อ 1 กิจกรรมก็พอ อย่างที่เราสอนน้องตะวัน ภาษาไทยใช้เวลา 50 นาที แต่ทำทุกๆวัน ต่อเนื่อง ไปต้องไปทำเพิ่มอะไรมากกว่านี้ เพราะจะน่าเบื่อกับเด็ก หลังจาก 10 วันน้องจะเริ่มกล้าบรรยายรูป อยากเล่าเรื่องจากภาพที่เห็น กระตือรือร้น จนเห๋็นได้ชัด

3. ทดลอง สอนภาษาอังกฤษ

- ผมซึ่งสมัยเรียน ประถม มัธยม จนถึงระดับมหาลัย เราทุกคนก็เคยเรียนภาษาอังกฤษกันมา อีกทั้งส่วนตัวผมก็เคยเรียนในคอร์สภาษามาบ้าง ส่วนตัวชอบภาษาอังกฤษไม่เก่งแต่รู้และเข้าใจ ว่าควรจะเริ่มยังไงกับบ้านไทยๆที่ไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษ และเพื่อน้องเติ้ลจะได้รู้จักภาษาอังกฤษ ไม่อ่อนด้อยไปกว่าเด็กๆที่เรียนตามโรงเรียนทั่วๆไปด้วย เดิมทีเลย น้องตะวันไม่สามารถจำ ตัว ABC ได้ ตอนที่ถามน้องว่า ที่ป้ายโฆษณา นั่นน่ะตัวอะไร รู้ไหม เค้าตอบได้แค่ 2-3 ตัว คือจำไม่ได้ แต่เค้าท่อง A-Z ได้ เราก็แปลกใจว่าเอ้าที่โรงเรียนเค้าใช้วิธีสอนยังไง ทำไมเป็นแบบนี้ เลยไปเปิดดูหนังสือหลาน เพราะปกติเราก็คิดว่าเราไม่เก่ง คงสอนหลานไม่ได้ ก็สอนให้แต่วิชาที่เราสอนได้ อันไหนไม่ได้ ให้โรงเรียนสอนแล้วกัน เค้ามีครูอังกฤษ มีครูวิชาต่างๆ สรุป คือ หนังสือเรียนของน้องที่ได้มาจากโรงเรียน ของป.2 เด็ก 8 ขวบ บ้านนอก หนังสือมันยากมาก เป็นเนื่อเรื่อง เหมือนของเด็กฝรั่งเลย ต้องอ่านแล้วทำแบบฝึกหัด แล้วเด็กไทยๆ ระดับนี้ จะอ่านได้ยังไง ยากมากๆ ขนาด A-Z ยังทำไม่ได้ ผมเลยเอาใหม่ ไม่สนใจ ไม่ยึดเล่มของโรงเรียนล่ะ มันยากมันข้ามขั้น ไม่มีทางที่เด็กๆจะอ่านในเล่มนั้นได้ ขนาดเด็กฝรั่งยังอ่านยากเลยครับบอกตรงๆ ผมเริ่มสอนโดยจัดกิจกรรม ดังนี้

-ทำบัตรคำ A-Z 2. เอามาเล่นเกม ทางยกบัตรคำแล้วถามว่านี่อะไร โดยถ้าทายได้ ยื่นบัตรให้เด็ก แล้ว เอาคิดเป็นแต้ม ว่าได้กี่ใบ  แรกน้องตะวัน ตอบถูกประมาณ 8-9 บัตรคำ  นอกนั้นไม่ได้ 

- ทำตอเนื่องทุกวันไม่เร่งรัด ทำกิจกรรม ความรู้ด้วยโดยการ ท่องบนกระดานเป็นบางครั้ง เวลาที่ท่องบัตรคำ เราใช้ตอนก่อนนอน เพราะ  บรรยากาศจะสบายๆ ทั้ง ยาย ทั้งแม่รุ่ง ทั้งน้า มาทายด้วยกัน ทุกคน คนไหนได้บัตรเยอะคนนั้นชนะ 

- ให้น้องตะวัน ฟังเพลงA-Z ในยูทุปแล้วเต้นด้วยกัน กับแม่กับน้า สนุกสยายมากๆ

- ทำแบบนี้ประมาณ เกือบ 1 เดือน น้องจะจำได้หลายตัวมากขึ้น น่าจะจำได้ ประมาณ 18 - 20 คำแล้ว ซึ่งมีทั้งหมด 26 ตัว ใกล้เป้าหมายเข้ามาทุกที ตัวที่น้องจะลืมบ่อยๆ ผมจำได้เลย คือ ตัว n t h s r และอื่นๆ ประมาณ 5-6 ตัวท้ายๆ ที่ไม่แม่นเลย ทำกี่ครั้งก็หลงๆลืมๆ ผมเลยทำแบบฝึกพิเศษ ปรินซ์เองพิมพ์เอง ให้เอาตัวที่ลืม มาทำเป็นแบบฝึกเขียนไทย ได้ คำนั้นๆเลย

- 1 เดือนกับ 10 วัน น้องจำได้ทั้งหมดแม่นยำมากๆ ไม่ต้องท่อง A-Z แล้ว แค่จำได้ว่าตัวไหน ชื่ออะไรก็เพียงพอที่จะทำขั้นต่อไป

- ระยะที่ 2 ผมให้น้องฝึก เทียบพยัญชนะไทย กับ A-Z แล้วค่อยสอนผสม สระ a i o เดือนละ 2 - 3 สระก็พอ ไม่เร่งไม่นเน้น เพราะอังกฤษยังไม่จำเป็นในตอนนี้ ขอเน้นภาษาไทยให้แตกฉาน และ คณิตไม่ให้มีปัญหา +กับทำสิ่งที่เด็กสนใจไปด้วยคือเล่น ศิลปะ กิจกรรมเข้าสังคมเพื่อนๆวัยเดียวกัน

4. ทดลอง สอนคุณธรรม มารยาท

- ทุกครั้งที่สอนภาษาไทย จะมีคำใหม่ๆเกิดขึ้นเสมอ เด็กพร้อมเรียนรู้ ถ้าเราให้เวลากับเค้า มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมสอนภาษาไทย มีคำว่า ประโยชน์ ผมถามน้องว่ารู้จักไหม แปลว่าอะไร น้องบอกไม่รู้ ผมเลยอธิบาย ว่าประโยชน์ คือ ยังใช้งานได้ ช่วยเหลือคนอื่นๆ หยิบจับของช่วยคนอื่นเราจะมีประโยชน์ แต่ขยะไม่มีประโยชน์ ก็จะถูกเอาไปทิ้งเผาไฟ เพราะไม่มีประโยชน์ เอาไปใช้ทำอะไรไม่ได้ พออธิบายเสร็จ น้องก็เข้าใจคำนี้ เราถามต่อว่า เติ้ล คิดว่ายายมีประโยชน์ไหม ยายอายุมากแล้ว  คุณตามีประโยชน์ไหม น้อง ยังงงๆ เราเลยบอกว่า ยาย ทำอาหารให้หนูกิน แม่คอยดูแล ซักผ้า อาบน้ำให้หนู ทำงานหาเงิน ตา คอยเตรียมคอมพิวเตอร์ให้หนูตอนเรียนกับน้า ทุกคนล้วนมีประโยชน์ เราถามเค้าว่า หนูตะวัน อยากมีประโยชน์ไหม หรือยังไง น้องตอบว่าอยากมี เราเลยแนะนำว่างั้นก็ช่วย ยายกรอกน้ำ ช่วยแม่กวาดบ้าน เก็บที่นอนตัวเอง ช่วยเหลือ ยาย ยายแก่แล้ว 

- บางครั้งน้องดื้อ ใช้เสียงดัง กับยาย กับ แม่  เราก็แนะนำเค้า ว่า เติ้ลตะวัน ชอบไหม เวลาแม่ กับน้า กับยาย พูดเสียงดังใส่หนู สนุกไหม บรรยายกาศดีไหม น้องบอกว่าไม่ชอบให้ใครตะโน หรือด่าเสียงดัง เราสอนต่อว่า งั้นเราก็จะไม่ทำกับ ยาย แม่ และคนที่เรารัก ใช่ไหม ถ้าเราไม่ดื้อ บอกยาก สอนยาก เค้าบอกให้หยิบของมาให้หน่อย เราก็ช่วยเค้าได้ เราดูการ์ตูนและเดินเอาของให้แม่ได้ ไม่เห็นต้องโวยวายใส่แม่ เพราะกำลังดูการ์ตูนอยู่ เราพูดดีๆด้วยเหตุด้วยผลได้ เชื่อไหมครับสิ่งต่างๆที่เราแนะนำเค้าด้วยเหตุด้วยผล ภายในสัปดาห์นั้น น้องตะวันก็ทำหลายๆอย่างด้วยเหตุด้วยผล ไม่โวยวาย เสียงดังใส่ยาย และเดินไปช่วยยายหยิบจับของ กรอกน้ำ โน่นนี่ จนผมต้องตะลึงกันเลย ว่า เออ คำสอน การพูดดีๆ มันส่งผลดีมากกว่า การด่าๆ ดุๆ เสียอีก ทุกวันนี้เวลาน้องทำอะไรผิดพลาดเราก็สอนน้องเลย นั่งคุยกัน แนะนำเค้าด้วยความรัก พูดเหมือนเค้าเป็ฯผู้ใหญ่คนนึง มันได้ผลยิ่งกว่าได้ผลจริงๆครับ

5. ทดลอง สอนความกล้าใช้เหตุผล กับผู้ใหญ่และคนรอบตัว

- เมื่อน้องตะวันโตขึ้นก็อาจกลัวครูที่โรงเรียน ครูสอนโดยใช้อำนาจมากเกินไป หรือทำร้ายเด็กนักเรียน ด้วยวิธีเฆี่ยนตี ซึ่งการตีมักเป็นไปตามอารมณ์ครู ถ้าครูโมโหมากก็เฆี่ยนแรงมาก ไม่ถูกต้องเลย เด็กๆสู้ผู้ใหญ่ไม่ได้ถ้าตี เด็กเด็กไม่มีทางสู้เค้าป้องกันตัวเองไม่ได้ ครูเป็นผู้ใหญ่กำลังมากกว่า ตัวโตกว่า เด็กก็ต้องกลัว ครูขว้างปาของใส่ ครูตะคอก ครูห้ามเข้าห้องน้ำไปอึ ไปฉี่ มากมายหลายประการ จนผมเองก็ต้องสอนน้องตะวันให้กล้าหาญ กล้าแย้งถ้าเห็ฯว่าสิ่งนั้นเค้าไม่ผิด หรีือ มันรุนแรงเกินไป ทางร่ายกายทางจิตใจ ผมสอนให้น้องว่า หนูสามารถแย้งด้วยเสียงปกติ ไม่ต้องตะโกน โดยการถามว่า ทำไมต้องตีหนู หนูทำผิดอะไร ใช้วิธีลงโทษด้วยวิธีอื่นได้ไหม  แม่ตีหนูทำไม ทำไมไม่ค่อยๆอธิบายหนู สอนให้เค้ากล้าถาม และไม่ต้องกลัว คนโต เพราะคนโต ไม่ได้ทำถูกทุกสิ่งเสมอไป แต่อย่าไปด่ากร้าวร้าวคนโตเค้า หนูอย่ากลัว จนไม่กล้าพูดกล้าถาม โน่นนี่

- วิธีที่จัดกิจกรรมในบ้าน คือ ให้น้องมีส่วนร่วมในการ ทำกิจกรรมทุกอย่าง จัดห้องยายให้มาช่วยหยิบจับ ไปทำไรให้ไปดูไปรถน้ำ นิดๆหน่อย แม่ทำอาหารไปช่วยหยิบจับ จะซื้ออะไรใส่ห้องนอนเด็กให้ถามเด็กว่าชอบไหม แล้วค่อยซื้อ ให้เด็กมีส่วนร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ของกิจกรรมในครอบครัว ถามเค้าก่อนว่าชอบไหม แล้วค่อยพาไป เพราะวิธีการนี้จะทำให้เค้ารับรู้ ว่าเค้ามีส่วนร่วมและคุนเคยกับการพูดคุย  กระบานการคิดของผู้ใหญ่ รู้ว่าใครทำสิ่งนี้ เค้าก็ทำเค้าก็มีสิทธิ พูดตอนที่ผู้ใหญ่คุยในเรื่องที่เค้าก็ได้ทำ แฟร์ กับเด็ก เวลาติเค้าจะถามเค้าว่ารู้ตัวไหมว่าตัวเองทำไมโดนด่า คิดว่าที่แม่ ท่ีน้า บ่นด่า สมควรไหม หรือว่า พวกน้า กับแม่ ไม่มีเหตุผล แล้วถ้าไม่ให้บ่น จะให้พวกเราเตือนยังไง โน่นนี่ ประมาณนี้ครับ

- ทุกวันนี้น้องเติ้ลตะวัน มีอิสระในการพูด การคิดมากๆ และไม่กร้าวร้าว มีขอบเขตที่สังคมไทยปรารถนา ดีมากในระดับสมวัย กล้าแสดงความเห็น กล้าติคุณยาย กล้าติน้า กล้าติแม่กลับ ถ้าแม่ทำผิด ผมว่ามันดีมากจริงๆ ยังคิดเลย ทำไมตอนเราเป็นเด็กไม่มีใคร ฝึกสอนแนะนำเราแบบนี้บ้างนะ

6. ทดลอง สอนให้รู้จักระมัดระวัง การดูแลตัวเอง

- ขณะที่เราสอนความรู้ วิชาการ อังกฤษ คณิต ไทย ให้น้องเติ้ลตะวัน เรากก็ไม่ลืมที่จะฝึกให้น้องแนะนำตัวนะครับ เพราะตอนที่ได้ลองสอนเอง ได้ใช้เวลาได้เข้าใจเค้ามากขึ้น เห็นข้อผิดพลาด ข้อเด่น ด้อยของเด็กได้ชัดมาก เด็กคือเด็ก เค้าจะเล่นสนุกโดยบางที ไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัย ผมเลยถามเค้าว่า เติ้ลตะวันคิดว่า อะไรอันตราย บ้าง ที่อยู่รอบตัวเราอะไรต้องระวัง ลองบอกน้ามาซิ เค้าก็บอกเรื่องปลั๊กไฟ เราบอกว่าถูก มีอย่างอื่นอีกไหม และคุยกันจนได้ ทราบถึงอันตรายรอบตัวที่เราต้องระมัดระวัง ว่ามันอาจจะเกิดขึ้นกับเค้า เพราะขนาดเราเป็นผู้ใหญ่ตอนหลงลืม ประมาทยังพลาด เกิดเหตุล้ม หรือ บาดเจ็บกันได้เลย อันตรายที่สอนหลานไปตอนนั้น คือ การเสียบปลั๊ก ต้องให้ผู้ใหญ่ช่วย เพราะเค้า 7 ชวบตอนนั้น เลือกใช้ถ้วย ชามที่ไม่หล่นแล้วแตกได้ ใช้แก้วพลาสติกดื่มน้ำดีกว่า แก้วใสๆหล่นแล้วแตก การเดินไปเล่นใกล้ๆเตาไฟ น้ำต้มเดือด การถือมีด ไปให้แม่อย่าวิ่ง ถ้าล้มเสียบไส้แตกเลย เล่นในพื้นที่ที่เรามองเห็นได้ว่า มีสัตว์อันตรายไหม ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง เก็บของเล่นถ้าเล่นเสร็จ รักของตัวเอง รักตัวเอง ดูแลตัวเอง สอนไปเรื่อยๆครับประมาณว่าปลูกฝัง แนะนำบ่อยๆพูดซ้ำๆแบบ ใจเย็นๆ พูดคุยกัน 2 ทาง  ถามให้น้องตอบไปมา เค้าจะได้คิดด้วย อย่าสื่อสารทางเดียวครับ

bottom of page